รีวิวทริป ยุโรป ไอซ์แลนด์ ดินแดนแห่งธรรมชาติทั้งประเทศ

รีวิวทริป ยุโรป

รีวิวทริป ยุโรป ไอซ์แลนด์ประวัติ เป็นอย่างไร?

รีวิวทริป ยุโรป เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ติกยุโรปเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ที่อยู่ใกล้กับเกาะกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร ไอซ์แลนด์นั้นมีเมืองหลวงที่ชื่อว่า เรคยาวิก ด้วยสภาพเป็นเกาะแห่งนี้ ทำให้ไอซ์แลนด์มีจำนวนประชากรเพียง 350,000 กว่าคน ด้วยพื้นที่ภายในประเทศกว่า 102,775 ตารางกิโลเมตร นับว่าประชากรต่อพื้นที่นั้น

มีจำนวนน้อยกว่าประเทศอื่นๆ เพราะด้วยความหนาวเหน็บและความห่างไกลจากดินแดนอื่นๆนั้นเอง เดิมทีชื่อ ไอซ์แลนด์ หมายถึงดินแดนที่มีแต่น้ำแข็ง เพราะในอดีตนั้นกลุ่มคนที่ค้นพบดินแดน ในทางตอนเหนือของยุโรปนั้น

ก็คือชาวนอร์สโบราณทางตะวันตก ที่เป็นกลุ่มพูดภาษาแฟโร ที่กระจายตัวตั้งรกรากในแถบตอนเหนือ ของกลุ่มประเทศสแกดิเนเวีย ด้วยความเก่าแก่ทางเชื้อสาย ชาวไอซ์แลนด์ที่ตั้งรกรากบนเกาะแห่งนี้ ทำอาชัพเพาะปลูกและทำการประมง

ในดินแดนแห่งนี้ซึ่งมีรัฐสภาไอซ์แลนด์ ( Althing ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสภานิติบัญญัติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงทำหน้าที่ของตนเอย่างต่อเนื่อง โดยในอดีตนั้นไอซ์แลนด์ เคยเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองนอร์เวย์ ในช่วงศตวรรษที่ 13

จากการก่อตั้งสหภาพคาลมาร์ในปี ค.ศ.1397 ได้รวมอาณาจักรนอร์เวย์ เดนมาร์ก และสวีเดนเข้าไว้ด้วยกัน ต่อมาสวีเดนได้แยกตัวออกจากกลุ่ม ทำให้เดนมาร์กและนอร์เวย์ยังคงอยู่ในกลุ่ม จนกระทั่งมาถึงช่วงปฎิวัติฝรั่งเศส และสงครามนโปเลียน

ไอซ์แลนด์ได้ลุกฮือกันต่อสู้เพื่อเอกราช จนกระทั่งได้อิสระภาพในปี ค.ศ. 1918 ตามมาด้วยการก่อตั้งสาธารณะในปี 1944 จนกระทั่งมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไอซ์แลนด์นั้นเป็นดินแดนห่างไกล จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

อีกทั้งยังใช้แผนเศรษฐกิจที่ชื่อว่า มาร์แชลล์ นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและทำให้ไอซ์แลนด์นั้น เป็นประเทศที่ร่ำรวยและพัฒนามากที่สุดในโลก และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจยุโรปในปี ค.ศ. 1994 ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศ มีการพัฒนามากขึ้นไม่ว่าจะเป็น การเงิน เทคโนโลยีชีวภาพ และการผลิต นั้นเอง

รีวิวทริป ยุโรป

รีวิวทริป ยุโรป ไอซ์แลนด์มีระบบเศรษฐกิจที่ดีได้อย่างไร?

ไอซ์แลนด์เริ่มมีเศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะด้วยประเทศตนเองนั้น อยู่เหนือความขัดแย้งรวมถึงไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด มุ่งเน้นแต่การค้าขายเพียงเท่านั้น โดยภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศอื่นๆต่างได้รับผลจากสงครามโลก ไม่ว่าจะเป็นภัยสงคราม หรือความอดยากที่กำลังกัดกิน ผู้คนต่างๆในยุโรปและระบบเศรษฐกิจ ของโลกในตอนนั้นอยู่ในยุคที่ยากลำบากอย่างมาก

แต่ไอซ์แลนด์นั้น ได้มีการใช้กลยุทธที่ตัวเอง อยู่เหนือความขัดแย้งนี้เร่งพัฒนา และสร้างเครือข่ายทางเศรษฐกิจ จนทำให้ประเทศแห่งนี้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และส่งผลให้ไอซ์แลนด์นั้นมีความพร้อมในเรื่องต่างๆ

จนกระทั่งเข้าได้เข้าร่วมกลุ่มเศรษฐกิจของยุโรป เพื่อเป็นการดึงประเทศอื่นๆในยุโรป ให้มีระบบเศรษฐกิจที่ดีไปพร้อมๆกันนั้นเอง นอกจากนี้อัตราการเสียภาษีของคนในประเทศ ค่อนข้างต่ำหากเปรียบกับกลุ่มประเทศ OECD อื่นๆ

และเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพแรงงาน รัฐสวัดิการรักษาพยาบาลฟรีทั่วหน้า รวมถึงการศึกษาที่ประเทศแห่งนี้ ให้ความสำคัญและมีระบบการศึกษา ที่ดีมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถึงแม้ประชากรในประเทศจะมีจำนวนที่น้อยกว่า

แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำในอดีต ได้พาให้ประเทศเกาะแห่งนี้ ที่จากเริ่มต้นเป็นเพียงแผ่นดินที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ปัจจุบันได้กลายมาเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ความมั่งคั่งจาก การค้าขายระหว่างประเทศนั้นเอง

อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ไม่มีกองทัพเป็นของตนเอง แต่ร่วมลงนามในสัญญาที่มี กองกำลังแห่งชาติจากประเทศอื่น คอยสนับสนุนไอซ์แลนด์นั้นเอง ทำให้ประเทศแห่งนี้มุ่งเน้นไปทางด้าน การเมืองและสังคมเพียงเท่านั้นเอง

ไอซ์แลนด์สถานที่ท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง?

ไอซ์แลนด์ด้วยความหมายของชื่อแล้ว เกาะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง และอากาศที่หนาวและเย็นตลอดทั้งปี เพราะเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป อันเป็นเขตใกล้กับขั้วโลกเหนือ ทำให้มีธารน้ำแข็งเกิดขึ้นมาก ในบริเวณรอบๆเกาะจึงเป็นกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่เป็นไฮไลท์ของไอซ์แลนด์เลยทีเดียว รวมถึงอากาศของที่นี้บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก

ทำให้การพักผ่อนในวันหยุด รู้สึกกลับมามีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้งนั้นเอง สถานที่แรกคือ ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล ( Crystal Ice Cave ) ช่วงฤดูหนาวของไอซ์แลนด์นั้น มีสภาพอากาศอยู่ที่ -25 ถึง -30 องศาเซลเซียส

ด้วยความหนาวเย็นนี้ทำให้ ถ้ำแห่งนี้มีความสวยงามและเป็น สถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่มาสัมผัสกับอากาศและความสวยงามของ หลังคาที่เหมือนคริสตัลปกคลุมนั้นเอง สิ่งมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นจากหิมะปกคลุม

ทับถมกันเป็นเวลานานหลายพันปี จนเกิดเป็นถ้ำแห่งนี้ขึ้นมา ด้วยปากถ้ำเป็นปล่องน้ำแข็งสูงถึง 22 ฟุต ซึ่งแล้วแต่สภาพอากาศ ทำให้รูปร่างมีการเปลี่ยนแปลงได้ไปตามฤดูกาล ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง สตีฟทาเฟฮ์ล ( Skaftafell )

ชื่อเสียงของถ้ำแห่งนี้ที่ ถ้ำน้ำแข็งสีครามแห่งนี้เป็นไฮไลท์หนึ่ง ของการมาท่องเที่ยวไอซ์แลนด์นั้นเอง สถานที่ต่อไปคือ ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ( Jokulsarlon ) ธารน้ำแข็งแห่งนี้มีอายุมากถึงพันปี

เดิมทีที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และมีความลึกเป็นอันดับสอง ธารน้ำแข็งแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจาก อุทยานแห่งชาติสเกฟตาลเฟลล์ ( Skeftalfell National Park ) และเมืองฮอฟน์

โดยธารน้ำแข็งแห่งนี้ปรากฎขึ้นครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1934 – 1935 เป็นน้ำแข็งก้อนขนาดใหญ่อย่างมาก จากนั้นก็ค่อยๆละลายไปตามกาลเวลา ทำให้พื้นที่ขยายเพิ่มมากขึ้น จนมาถึงปัจจุบันที่มีพื้นที่กว่า 18 ตารางกิโลเมตร

และมีความลึกของน้ำถึง 200 เมตร เราสามารถชมความสวยงามแห่งนี้ ด้วยการนั่งทัวร์เที่ยวเรือชมความสวยงาม มีนก Sk as เป็นนกทะเลสีดำ และมีนกสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า Big Seagulls นอกจากนี้เราจะได้เเห็นสิงโตทะเล

อาศัยอยู่ในบริเวณนี้อีกด้วย เราไปกันต่อที่ โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา ( Hallgrimskirkja ) เป็นโบสถ์ยอดฮิตของไอซ์แลนด์ และเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์นั้นเอง ด้วยความสูงถึง 74.5 เมตร เป็นสถานที่ชมวิวอันสวยงาม

ที่มองเห็นได้โดยรอบทิศของเมือง เรกยาวิก ออกแบบโดย นายกุดโยน ( Gu j n Sam eisson ) เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิมพราสชั่นนิสท์ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างถึง 38 ปี ด้านหน้าของโบสถ์นั้นมีอนุเสาวรีย์ของ เลฟร์ อีริกสัน ( Leifr Eiriksson )

ยืนตระหง่าอยู่ ซึ่งเป็นชาวนอร์ทบุคคลแรกของยุโรป ที่ได้เดินทางไปเหนียบดินแดนทางเหนือ ของทวีปอมเริกาก่อนที่โคลัมบัสจะค้นพบทวีปอเมริกา ทำให้สหรัฐอเมริกามอบอนุเสาวรีย์แห่งนี้ ให้กับไอซ์แลนด์เพื่อเป็นเกียรตินั้นเอง

สถานที่สุดท้ายคือ สัญลักษณ์เรือไวกิ้ง Solfar  ( Sun Voyager Scupture ) และถนนช้อปปิ้ง เป็นงานปติมากรรมรูปเรือ ตั้งอยู่ที่เมือง Reykyavik สร้างขึ้นโดยช่างสลักชื่อ Jon Gunnar Arnason โดยคนส่วนมากทุกคนมักเข้าใจผิดว่า

นี้คือสัญลักษณ์เรือไวกิ้ง แต่จริงๆแล้วมันคือเรือแห่งความฝัน และเป็นบทสรรเสริญพระอาทิตย์ เป็นผลงานศิลปะที่ยอดเยี่ยม เข้ากับบรรยากาศในช่วงเทศกาล Midnight Sun พระอาทิตย์ขึ้นในเวลาเที่ยงคืนนั้นเอง

นอกจากนี้ยังมีธารแม่น้ำของหอการแสดงคอนเสิร์ต Harpa Hall ด้วยนั้นเอง นับว่าเป็นวิวที่สวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ยังคงมี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อีกมากมายที่เป็นเสน่ห์ของที่นี้ ที่จะให้คุณได้รู้สึกสดชื่นกับบรรยากาศของที่นี้นั้นเอง

รีวิวทริป ยุโรป

ปัจจุบันไอซ์แลนด์เป็นอย่างไร?

จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะด้วยสถานะประเทศที่วางตัวเป็นกลาง จากภัยสงครามที่เกิดขึ้นทั่วยุโรป แต่กลับสามารถพัฒนาตนเอง อย่างก้าวกระโดดและขึ้นมาเป็น ประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นเอง ถึงแม้ประเทศไอซ์แลนด์จะมีข้อจำกัด ที่เป็นเกาะและมีประชากรที่น้อยกว่า แต่ก็สามารถพัฒนาผลักดันตนเอง ให้ขึ้นเป็นแถวหน้าของยุโรปได้นั้นเอง

และด้วยปัจจุบันไอซ์แลนด์ยังเป็น ประเทศแรกๆที่ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุข และการศึกษาที่ให้ทุกคนได้สิทธิ์ฟรี เหมือนกันทุกคนในประเทศ ทำให้เป็น่ส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชากรในประเทศ

ลดภาระค่าใช้จ่ายและมีศักยภาพ ในการพัฒนาตัวเองจนสามารถ ผลักดันตนเองไปอยู่ในจุดที่สูงได้นั้นเอง ทำให้ภาพรวมของประเทศนั้น ประชากรมีรายได้หัวเฉลี่ยที่สูงนั้นเอง ถึงแม้จะมีอัตราการเก็บภาษีที่ต่ำ แต่ก็สามารถทำให้ประเทศเล็กๆทางตอนเหนือ แห่งนี้ยิ่งใหญ่ได้นั้นเอง

สรุปการท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์เป็นอย่างไร?

เกาะแห่งนี้นับว่าเป็นดินแดนสวรรค์ ของธรรมชาติที่มีมาอย่างยาวนาน ควบคู่ไปกับอารยธรรมของชาวนอร์ท ที่มีความชำนาญในการเดินเรือมาตั้งแต่โบราณ ได้มาค้นพบเกาะแห่งนี้อันเป็นธรรมชาติ

ที่เกิดขึ้นเองจากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่นั้นเอง จนได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ การท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หากพูดถึงบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับขั้วโลกเหนือ และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ได้รับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากรัฐบาลเพื่อให้สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ยังคงอยู่ไปอย่างยืนยาวนั้นเอง

จึงทำให้ มองว่า ไอซ์แลนด์ เป็นเกาะที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ มาตั้งแต่โบราณเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีร่องรอยอารยธรรม ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของมนุษย์ ที่ค้นพบได้บนเกาะแห่งนี้ที่แต่เดิม อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้นั้นเอง นับว่าเป็นหลักฐานยืนยัน การอยู่อาศัยของชาวไอซ์แลนด์ในอดีต ที่ถือว่าเป็นบรรพบุรุษกลุ่มแรก ที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดชาวไวกิ้งโดยแท้นั้นเอง

รัฐเวอร์จิเนีย

ข่าวการพัฒนาไอที

เกมดังทุกวงการ

เกาะกวมอยู่ไหน